ปล่อยใจให้สบายๆ นะ นั่งเล่นๆ ทุกคนเพิ่ม Pressure (ความกดดัน) ในห้อง ก็เจอกัน 3 เดือนครั้ง ใจสบาย ต้องสบายๆ เวลาภาวนาใจแบบนี้ไม่ได้เลยนะ ถ้าใจอย่างนี้ ภาวนาไม่มีทางสำเร็จ อันหนึ่งที่จำเป็นเลยนะที่ต้องนึกบ่อยๆ คำที่หลวงพ่อพูดว่า “ใจธรรมดา ใจปกติ” ใจเหมือนทุกวันที่เราทำงานทำนู่นทำนี่ ใจที่มันพร้อมจะเผลอ ใจอย่างนั้นแหละ เอาใจอย่างนั้นมาภาวนา
แนวทางที่เราภาวนานี่จริงๆ มันมีหลายแนวทาง ‘การเจริญสติ’ มันจะเริ่มจาก ‘กาย’ ก็ได้ หรือจาก ‘จิต’ ก็ได้ เบื้องต้นมันมี 2 ทาง มันจะวิธีไหนก็ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่ถ้ามาภาวนาเเนวนี้ สติที่ได้มันมักจะเกิดจากการดูจิต ใส่ใจที่ใจ ดูพฤติกรรมของจิต ตรงนี้จะได้สติ เพราะฉะนั้นอารมณ์ของกรรมฐานที่เราทำ ไม่ว่าจะภาวนาดูร่างกายที่มันหายใจอยู่ หรือเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออื่นๆ อีกมากมายซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีทำเเล้ว มันจะเหลืออยู่ประมาณนี้ จริงๆ เพื่อให้เห็นพฤติกรรมของจิต สติจะเกิดจากการไปเห็น ‘จิต’ เห็นพฤติกรรมของมัน ส่วนใหญ่จะมุ่งไปสนใจที่จิตมากในแนวทางนี้นะ
เพราะฉะนั้นเราอย่าไปดัดแปลงจิตเยอะ ที่หลวงพ่อบอก “ใช้ใจปกติ” แล้วก็ต้องตั้งใจเลยว่าทุกครั้งที่ภาวนาเอา ‘สติ’ ก่อน สังเกตใจ อย่าเพิ่งไปสนใจความสงบ ถ้าสนใจความสงบเมื่อไหร่มันจะดัดแปลงทันทีเลย เริ่มต้นก็ดัดแปลงเลย บังคับ เคร่งเครียด เพราะมีคำที่หลวงพ่อพูดว่า “ต้องภาวนาด้วยฉันทะ” ไม่ใช่ทำด้วย ‘จิตที่มีโลภะนำ’ การที่จิตมีโลภะนำเนี่ยมันจะเคร่งเครียด จะเพ่ง จะสารพัดที่เราฟังหลวงพ่อเทศน์นั่นแหละ ซึ่งจริงๆ เราฟังนะเหมือนจะเข้าใจ แต่เราทำเมื่อไหร่เราก็เพ่งทุกที มันก็เลยเกิดเป็นปัญหาว่า ทำไมภาวนาแล้วมันเครียด มันเหนื่อย มัน ‘ทำ’ แล้วก็ไม่ได้สักที ก็ยิ่งทำก็ยิ่งไม่ได้ เพราะว่ามันทำเยอะ จริงๆ ไม่ต้องทำ คำนี้เคยได้ยินหลวงพ่อบอกไหม “ไม่ต้องทำ”
บางคนก็งงว่า “ไม่ต้องทำแล้วจะภาวนายังไง?” ก็ไม่ต้องทำก็ไม่ต้องภาวนาสิ ซึ่งคำถามประเภทนี้ แต่ก่อนก็เคยเกิดในความสงสัยผมเหมือนกัน ว่าไม่ต้องทำแล้วจะภาวนายังไง แล้วผมจะภาวนายังไง ผมก็นึกในใจแต่ไม่กล้าถามหลวงพ่อนะ แล้วจะภาวนายังไง? ไม่ต้องทำ ก็ไม่ต้องภาวนา ก็กลับไปเหมือนคนไม่ภาวนา จริงๆ ก็ไม่ใช่ มันแค่ ‘รู้’ สบายๆ อยู่กับรู้อย่างเดียว ‘อยู่กับรู้ แต่ไม่เอารู้’ ทุกอย่างแค่รู้มันแล้วก็ไม่เอาสักอย่าง ‘รู้’ ฝึกรู้จนกระทั่งสติเกิดสัมมาสติ แล้วเกิดสัมมาสมาธิ แล้วก็ไม่เอาอะไร มันเกิดก็ไม่ได้เอามันอีก ก็แค่รู้ไปเเบบนั้นนะ สุดท้ายมันจะพัฒนา ‘รู้’ ที่มันทำงานมันเองนั่นแหละ มันเข้าใจ เพราะว่าเราภาวนาทั้งหมดเราต้องการความเข้าใจ เข้าใจอะไร ก็ไม่เข้าใจอะไรมากเลย เข้าใจร่างกายกับจิตใจของเราเท่านั้น แล้วต้องเป็นใจปกติ เพราะฉะนั้นถ้าเราใช้ใจที่ธรรมดานะ มันจะเร็วที่สุดเลย รัดสั้นที่สุด มันจะเข้าหาจิตเข้าหาใจเรา
ทันตแพทย์ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์
9 พฤศจิกายน 2567
ณ บ้านจิตสบาย
ที่มาคลิปเต็ม: https://youtu.be/yuf9ELGNz4U?si=BTJ555cYL2x3-Spd
#ใจธรรมดา #ใจปกติ #จิตปกติ #ภาวนาด้วยใจปกติ #ใจที่พร้อมจะเผลอ #อยู่กับรู้แต่ไม่เอารู้ #รู้เฉยๆไม่ดัดแปลง #ทันตแพทย์ณัฏฐ์ #คุณหมอณัฏฐ์ #ทันตแพทย์ณัฏฐ์ศรีวชิรวัฒน์ #เจริญสติ #ภาวนา #การดูจิต #สติ #พฤติกรรมของจิต #อารมณ์กรรมฐาน #หลวงปู่ปราโมทย์ #หลวงพ่อปราโมทย์ #ภาวนาด้วยฉันทะ #สัมมาสติ #สัมมาสมาธิ #ดูกาย #ดูจิต #รู้สึกตัว #เคลื่อนไหวร่างกาย #บ้านจิตสบาย