
ทันตแพทย์ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์
ภาวนาด้วยใจสบายๆ
ปล่อยใจให้สบายๆ นะ นั่งเล่นๆ ทุกคนเพิ่ม Pressure (ความกดดัน) ในห้อง ก็เจอกัน 3 เดือนครั้ง ใจสบาย ต้องสบายๆ เวลาภาวนาใจแบบนี้ไม่ได้เลยนะ ถ้าใจอย่างนี้ ภาวนาไม่มีทางสำเร็จ อันหนึ่งที่จำเป็นเลยนะที่ต้องนึกบ่อยๆ คำที่หลวงพ่อพูดว่า “ใจธรรมดา ใจปกติ” ใจเหมือนทุกวันที่เราทำงานทำนู่นทำนี่ ใจที่มันพร้อมจะเผลอ ใจอย่างนั้นแหละ เอาใจอย่างนั้นมาภาวนา
เดินจงกรม ด้วยอุบายดูการสะเทือน
ใจตอนนี้รู้ว่ามีร่างกายไหม ใครๆ ก็รู้ว่ามีร่างกายจริงไหม ยกเว้นคนเป็นอัมพาต อัมพาตส่วนไหน ตรงนั้นก็ไม่รู้ ตอนนี้เราไม่ได้เป็น เราก็รู้อยู่แล้วมันมีร่างกาย ‘ใจ’ เท่านี้แหละพอแล้ว แต่ว่าใจแค่นี้เราไปเดินเนี่ย บางทีเราไม่เท่าทันใจเรา ถ้าเราไปดูร่างกายอย่างเดียวนะ ไม่เคลิ้มไปเลยก็เพ่ง ดูจิตไม่ทันอีก ดังนั้นอาการสะเทือนจริงๆ ไม่มีอะไรจริงหรอกมันคืออุบาย ให้เห็นการไหวหยุดนั่นแหละ แต่ไหวหยุดสั้นๆ แล้วอาการสะเทือนมันจะกระตุ้นให้มันตื่นตัว มันมีแค่นั้นแหละ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย
แอบดูร่างกายหายใจ
เอาแค่นั่งเฉยๆ นั่งเฉยๆ ก่อนนะ ปกติคนเราหายใจอยู่ไหม ลองใช้ความคิดช่วยก่อน…หายใจอยู่ ทำไมเราไม่รู้สึก มันรู้สึกเหมือนไม่ได้หายใจใช่ไหม เพราะเราไม่ได้ดูมัน แต่จริงๆ มันหายใจอยู่ แล้วมันแน่นไหม…ไม่แน่น เพราะฉะนั้นตัวการแน่นมันไม่ได้อยู่ที่ลม อยู่ที่คลานเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน ถูกไหม ถ้ามันแน่นตลอดนะ เราไม่ได้ยุ่งกับมัน มันก็ต้องแน่นทั้งวันสิ นี่มันหายใจ แสดงว่าการหายใจเองมันเป็นตามธรรมชาติ มันเป็นระบบประสาทอัตโนมัติมันทำงาน เป็นเรื่องของร่างกายล้วนๆ เลยนะ ไม่ได้เกี่ยวกับเราเลยนะ
สมาธิที่ถูก
ถ้าทำมาสักพักหนึ่ง ปัญหาก็คือเรื่องสมาธินั่นแหละ ‘สมาธิที่ถูก’ แล้วก็ความเข้าใจที่ถูกว่าสมาธิที่ถูก ไม่ใช่การเพ่ง มันคือ ‘ความตั้งมั่น’ สมัยก่อนผมก็เข้าใจผิดเหมือนกันนะ ว่าต้องเพ่งเยอะๆ แล้วเพ่งทำให้ใจเคลิ้มๆ ให้มันลืมๆ เหมือนจะนอนหลับยิ่งดี ให้มันไม่รู้ตัวไปเลย ให้มันหายไปเลย ยิ่งลึกยิ่งดี เข้าใจผิดหมด